Menu Close

วิถีแห่งการลงทุนของผม บทเรียนจากเซียนหุ้นญี่ปุ่น

Original price was: ฿439.00.Current price is: ฿375.00.

 

ลงทุนในประเทศที่อยู่ในภาวะ The Lost Decade  แล้วไม่ได้กำไร

จริงเหรอ?

ตัวอย่างทดลองอ่านค่ะ https://anyflip.com/qwnmk/qvum/

 

จากหนังสือติดอันดับขายดีในประเทศญี่ปุ่น

Waga Toushijutsu Shijou wa Dare ni Hohoemuka

(わが投資術  市場は誰に微笑むか)

ทาซึโร่ คิโยฮาระ

ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ K1 (กองทุนเรือธง)

บริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Tower Investment Management

เขาบริหารจนประสบความสำเร็จด้วยผลการดำเนินงาน

9,300% นับตั้งแต่ก่อตั้ง (20% ต่อปี เป็นระยะเวลา 25 ปี)

 

คิโยฮาระเก็บตัวจากสื่อมาตลอด  แต่เมื่อถึงเวลาวางมือจากการบริหารกองทุน และไม่มีผู้สืบทอดกลยุทธ์การลงทุน

เขาตัดสินใจถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดลงในหนังสือเล่มนี้ วิถีแห่งการลงทุนของผม บทเรียนจากเซียนหุ้นญี่ปุ่น

 

มีสินค้าอยู่ 48

รหัสสินค้า: M003 หมวดหมู่: ป้ายกำกับ: , , , , ,

จนถึงปัจจุบัน นับเป็นหนังสือด้านการลงทุนเล่มแรก และเล่มเดียวที่จะพาคุณแกะกลยุทธ์ฝ่าวิกฤต The Lost Decade

ผ่านประสบการณ์ตรงของทาซึโระ คิโยฮาระเอง มาเรียนรู้กลยุทธ์เหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน

 

หนังสือหนาประมาณ 440 หน้า (ขนาด 12.8 x 18.5 x 2.2 ซม.)

ISBN 978-616-94400-3-1

น้ำหนัก 420 กรัม
ขนาด 18.5 × 12.8 × 2.2 เซนติเมตร

วิถีแห่งการลงทุนของผม บทเรียนจากเซียนหุ้นญี่ปุ่น จาก 2 รีวิว

  1. mpirika_admin

    – Tatsuro Kiyohara (ทาซึโระ คิโยฮาระ) มนุษย์เงินเดือนที่ติดอันดับที่ 1 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่นปี 2005

    – 25 ปีในการบริหารจัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ผมทำความผิดพลาดร้ายแรงมามากมาย ผมคิดว่าจะเป็นประโยชน์หากผมได้เล่าว่าทำผิดพลาดอะไรบ้าง

    – ความสำเร็จไม่ได้เกิดซ้ำในรูปแบบเดิม ผมจึงคิดว่าเล่าเกี่ยวกับความล้มเหลวน่าจะมีประโยชน์มากกว่า

    – ตลาดเป็นมิตรกับคุณ ตราบใดที่ความเห็นของคุณยังเป็นความเห็นส่วนน้อย

    – การมีความคิด และถือสถานะ (Position) เหมือนกับคนจำนวนมาก หากผิดพลาดจะขาดทุนมาก แต่หากมีความคิด และถือสถานะเหมือนคนกลุ่มน้อย แม้จะผิดพลาด ก็ขาดทุนน้อย

    – ถ้าเช่นนั้น จะรู้ได้อย่างไรว่า ความคิดเห็นของเราเองต่างกับวิธีมองของคนหมู่มาก

    – ก็เหมือนถามว่า “อะไรสะท้อนราคาหุ้น” กรณีเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ไม่สามารถเข้าใจได้ง่าย และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้ว่าอะไรสะท้อนเกณฑ์มาตรฐานของดัชนี Nikkei 225 หากเรารู้ ก็พูดได้ว่า งานของเราเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง

    -“การหาไอเดียการลงทุน” คือ “การหาไอเดียที่สะท้อนราคาหุ้น”

  2. mpirika_admin

    อ่านจบอย่างรวจเร็ว สนุกยังกับอ่านนิยาย ลุง Kiyohara Tatsuro ก้อสุดมาก เขียนแบบแฉทั้งวงการหุ้นญี่ปุ่นและกลยุทธ์ที่ตัวเองใช้ อาจจะเพราะแกป่วยเป็นมะเร็งคอหอยและไม่มีผู้สืบทอด
    ลุงไม่ธรรมดา ประวัติลุงคือแกจบ Todai ละไปต่อ Stanford เคยทำ Nomura, GS, MS ทำผลตอบแทน 20% เฉลี่ย 25 ปีในขณะที่ตลาดญี่ปุ่นไม่ไปไหน Soros เคยจะเอาเงินมาให้บริหาร
    ตื้ออยู่สองครั้งลุงยังไม่รับ

    สรุปแนวคิดของแกคือ

    1. ตลาดเป็นมิตรกับคุณ ตราบใดที่ความเห็นของคุณยังเป็นความเห็นของคนส่วนน้อย เช่นถ้าคิดว่าหุ้นดี ซื้อแล้วหุ้นไม่ขึ้น ก้อไม่เสียอะไร (ยกเว้นที่คิดว่าดีแต่กลับแย่ อันนี้จะโดนทำโทษ)
    2. ไอเดียการลงทุนที่ดี คือไอเดียที่ยังไม่ได้รวมอยู่ในราคาหุ้น ลุงถือคติ เปิดก่อนได้เปรียบ ถ้ารอจนความจริงปรากฎ ก้อไม่ทันกินแล้ว อันนี้เหมือน Druckenmiller
    3. ค้นหาความจริง ตั้งคำถามกับสิ่งที่ได้ยิน เราสมควรจะเชื่อเหมือนที่ตลาดเชื่อหรือไม่ mass เข้าใจอะไรผิดหรือไม่
    4. Mispricing จะเกิดกับหุ้นรายตัวได้ง่ายกว่าในระดับตลาด
    5. ลุงคิดการลงทุนแบบ Probability x expected return เช่นถ้าโอกาสเกิดพอประมาณแต่ upside เยอะจัดก้อซัดได้ก่อน ไม่ต้องรอให้ prob สูงจัดๆ
    6. ในตลาดญปที่หุ้นเติบโตมีไม่มาก (แต่หุ้นถูกมีมาก) ถ้าได้ศึกษาแล้วพบโอกาส ให้ลงทุนเลย ถ้าบริษัทโตมาได้แบบฟลุ้คๆหรือไม่ยั่งยืนก้อค่อยขายทิ้ง แต่ถ้าคิดผิดเลย หุ้นไม่โตก้อไม่เสียหายเพราะหุ้นถูก แต่ถ้าจะรอจนเหตุแห่ง growth นั้นแจ่มแจ้ง ราคาก้อไม่รอเราแล้ว ลุงอธิบายโดยใช้ Bayes Theorem คืออย่ามีอคติ เมื่อมีข้อมูลใหม่ๆเข้ามา เราต้องประเมินอย่างเป็นกลาง และปรับเปลี่ยน odds ไปตามนั้น

    ลุงชอบซื้อหุ้นถูก แต่ definition หุ้นถูกของลุงคือ E ไม่ลงและ PE ต่ำๆที่หักเงินสดสุทธิออกแล้ว *note that ที่คิดแบบนี้ได้เพราะที่ญี่ปุ่นมีการซื้อหุ้นคืน ถ้าเงินสดนั้นๆไม่โดน unlock value ก้อจะเป็น asset play company ที่ถูกเรื้อรังแต่รายย่อยไม่มีเอี่ยว หรือเป็น value trap ถ้าเงินสดต้องเอาไปลง CAPEX หนักๆในอนาคต

    ลุงเป็นเซียนหุ้นขนาดเล็ก ลุงบอกความสามารถในการเติบโตของหุ้นขนาดเล็กอยู่ที่ผู้บริหาร 90% ลุงจะชอบบริษัทที่จุดแข็งของบริษัทจะยิ่งเสริมแรงไปพร้อมๆกับการเติบโต เช่นยิ่งโตมาจิ้นยิ่งเพิ่ม ยิ่งโตคู่แข่งยิ่งเข้ามายาก ถ้ายกตัวอย่างก้อเช่นพวกมี network effects มี 5 forces มั้ง

    Bottom up ก้อต้องไปคุยกับผู้บริหาร Top down ก้อคือเก็งตีม ไม่ได้สนว่าหุ้นถูกหรือแพง แค่เก็งว่าถ้าตีมมาตัวไหนได้ประโยชน์ พอตีมมาคนฮิตก้อขาย

    อ้อลุงแกทำทั้ง long และ short วิธี short แกคือ short ดาบสองตอนพวกที่ short ดาบแรกละหุ้นไม่ลงจนต้อง cover short ละหุ้นเด้ง

    ลุง humble style คนญปบอกว่าทำผิดพลาดมามาก บาดแผลเยอะ แต่กอง K1 แกได้ 93 เด้ง

    อ่านเล่มนี้ละได้ทำให้ได้รู้จักหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น

    Credit: K. Yingyong Tumtornsiri

เพิ่มบทวิจารณ์

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *