Menu Close

สอนลูกให้เป็นควอนท์

Original price was: ฿295.00.Current price is: ฿250.00.

“ควอนท์” กำลังเป็นสายอาชีพที่มาแรงในโลกการเงิน ยุคศตวรรษที่ 21
เป็นจุดตั้งต้นของนักเขียนโปรแกรมเทรดหุ้น เทรดคริปโต algorithm trading
นักเทรดความถี่สูง หรือ HFT  ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ตลาดหุ้นไทยกำลังก้าวไปสู่
เป็นหนังสือเล่มเดียวในปัจจุบันที่เริ่มให้ guideline กับกลุ่มเด็กมัธยมปลาย
และผู้ปกครองในการวางแผนสายอาชีพที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
เขียนโดย พอล วิลมอทท์ ผู้ก่อตั้งชมรม CQF (Certified Quantitative Finance)
ผู้เขียนเดียวกับ The Money Formula สมการแสนล้าน พลิกกระดานวอลสตรีท
ISBN 978-616-94400-2-4
264 หน้า

มีสินค้าอยู่ 44

รหัสสินค้า: M004 หมวดหมู่: ,

หนังสือการเงินเชิงปริมาณ สำหรับเด็กมัธยมที่ต้องการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สายการเรียนที่เหมาะสมในมหาวิทยาลัย

เขียนโดย พอล วิลมอทท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเชิงปริมาณ ผู้ก่อตั้งสถาบัน Certified Quantitative Finance (CQF)

แหล่งรวมควอนท์จากทั่วโลก คุณพ่อ คุณแม่สามารถซื้อให้บุตรหลานเพื่อศึกษา แนะแนวเส้นทางสู่สายอาชีพควอนท์

น้ำหนัก 400 กรัม
ขนาด 18.5 × 12.8 × 1.25 เซนติเมตร

สอนลูกให้เป็นควอนท์ จาก 2 รีวิว

  1. mpirika_admin

    สอนลูกให้เป็นควอนท์(Math of Finance for High Schoolers)-Paul Wilmott
    เล่มนี้จะมีคำตอบว่า เราจะใช้คณิตศาสตร์ไปเชื่อมโยงกับการลงทุนได้อย่างไร และควอนท์(Quant) หรือ Quantitative ในแง่มุมของการเงินคืออะไร
    ในแง่มุมของการวิเคราะห์การลงทุนที่เราได้ยิน

    -สาย Fundamental Analysis—–>มุ่งหาคำตอบว่า ผลประกอบการในอนาคตจะเป็นยังไง อาจรวมไปถึง Macro View
    -สาย Technical Analysis——> ใช้ข้อมูลจากราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต(กราฟ)เพื่อคาดการณ์ มีความเชื่อว่าทุกอย่างได้สะท้อนบนกราฟไปหมดแล้ว อาจรวมไปถึงจิตวิทยาบนหน้ากราฟ
    -สาย Quantitative Analysis—-> การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ความน่าจะเป็นสำหรับราคา (หลักคิดอาจมีความคล้ายคลึงกับการสร้าง Indicator ของ Technical Analysis อยู่บ้าง)
    เนื้อหา มีการปูพื้นฐานตั้งแต่ศัพท์ทางการเงิน สายงานอาชีพที่เกี่ยวข้อง คณิตศาสตร์พื้นฐานที่จำเป็น (ส่วนตัวมองว่าไม่ยากจนเกินไปนัก ความรู้ระดับมัธยมปลายเอาอยู่ แต่อาจจะต้องแตกฉานเรื่องสถิติและความน่าจะเป็นพอสมควร )
    เนื้อหาไม่ได้ลงลึกไปถึง stochastic calculus, Black-Scholes model หรือ Monte Carlo simulation เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากทำความรู้จักควอนท์
    มีการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อย่างง่ายของแต่ละสินทรัพย์

    -ตราสารหนี้—-> ความสัมพันธ์ของการคิดลด,ดอกเบี้ย,มูลค่าในอนาคต เพื่อคำนวณ มูลค่าปัจจุบัน
    -หุ้น—->การสร้างแบบจำลองอย่างง่าย
    1.สร้างสมการโดยใช้ (Binomial Model)
    2.หาค่าความหวัง และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากแบบจำลอง
    3.ทดสอบแบบจำลอง
    4.นำผลการทดสอบแบบจำลองจากข้อ 3 เพื่อหาความน่าจะเป็น โอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์แบบต่างๆ
    -การใช้ Sharp ratio เพื่อเปรียบเทียบการลงทุน

    -พอร์ตโฟลิโอ——>การสร้างแบบจำลองอย่างง่าย
    -เมื่อเราถือหุ้น 1ตัว และ พันธบัตร(สินทรัพย์ปราศจากความเสี่ยง) 1 ตัว
    -เมื่อเราถือหุ้น 2ตัว แบบไม่มีพันธบัตร
    -เมื่อเราถือหุ้นหลายตัว แบบไม่มีพันธบัตร
    -เมื่อเราถือหุ้นหลายตัว แบบพันธบัตรการสร้างแบบจำลองนี้เพื่อนำไปสู่คำตอบของการกระจายความเสี่ยงในแบบต่างๆ

    -ออปชั่น——>การสร้างแบบจำลองอย่างง่าย (Binomial Model)ของ Call หรือ Put Option ,
    การหาความน่าจะเป็นที่เป็นกลางต่อความเสี่ยง เพื่อนำไปสู่การหามูลค่าทฤษฎีของออปชั่น และผลตอบแทนที่คาดหวัง

    ***หากไม่มีพื้นฐานเรื่องออปชั่นมาก่อนมีโอกาสเมาหมัดในหัวข้อนี้ แต่ส่วนตัวมองว่าผู้เขียนได้ใช้การยกตัวอย่างที่ค่อนข้างดี ทำให้ลดความสับสนลงไปได้เยอะ***
    -ความสัมพันธ์ระหว่าง Call-Put Options และสินทรัพย์เสี่ยง
    พุท = คอล-หุ้น+ราคาใช้สิทธิในรูปเงินสด

    -ภาคผนวก มีการกล่าวถึงคณิตศาสตร์ที่จำเป็นเพิ่มเติมเพื่อสามารถนำไปต่อยอดได้
    ส่วนตัวชอบเล่มนี้ มองว่าหนังสือสาย Quant ในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีคนทำออกมามากนัก และในอนาคตไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์ นักลงทุน
    หรือทำงานในสายงานการลงทุน คงหนีไม่พ้นที่จะต้องทำความรู้จัก Quant อยู่ดี เพราะ Quant คือพื้นฐานเพื่อปูทางไปสู่การเขียน AI ในอนาคตอีกด้วย

    P.S. ต้องขอบคุณ Jacob Bernoulli ที่ค้นพบค่า e(exponential constant)
    ตอนที่กำลังศึกษาเรื่องดอกเบี้ยทบต้นแบบต่อเนื่อง [ lim (x+1/x)^x เมื่อ x เข้าใกล้ Infinity ] มิเช่นนั้น อาจจะไม่มี Euler’s formula

    Credit: K. Note Attapol

  2. mpirika_admin

    เราจะเรียนคณิตศาสตร์กันไปทำไม… จริงๆ แล้ว หลักสูตรขั้นพื้นฐานของการศึกษาภาคบังคับควรจะมีวิชาที่ทำให้เรารู้ว่า “แต่ละวิชาสามารถต่อยอดอะไรได้บ้าง”

    สำหรับผม หนังสือ “Math of Finance for High Schoolers” เล่มนี้ ทำให้เราสามารถต่อจุดย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของ “ความรู้ทางคณิตศาสตร์” ที่เราเรียนมาตั้งแต่มัธยม
    ทั้งเรื่องของค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความน่าจะเป็น การหาอัตราการเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงการสุ่ม… เข้ากับ “ความเป็นควอนท์”

    ผมชอบชื่อนี้นะ

    “ควอนท์” หรือ Quant มาจาก Quantitative หรือเชิงปริมาณ​ พอเอามารวมกับ Finance ก็กลายเป็น Quantitative Finance การเงินเชิงปริมาณ…
    ซึ่งถ้าให้เล่าถึงวิชานี้ก็ต้องบอกว่า เป็นส่วนสำคัญด่านแรกสำหรับใครที่อยากจะก้าวสู่การทำงานด้านการเงิน โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบบจำลองทางการเงิน ไปจนถึงการจัดการกับความเสี่ยง
    ดังนั้นก่อนที่เราจะลงลึกไปกับ “ตราสารหนี้หรือพันธบัตร หุ้น หรือออปชั่น” เราเองก็ต้องรู้ว่าอาชีพไหนที่ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคด้านการเงินที่เรากำลังอ่านอยู่ หลักๆ ก็คือ

    – ผู้พัฒนา และวิเคราะห์แบบจำลองสำหรับประเมินมูลค่าและความเสี่ยงของสินทรัพย์ด้านการเงิน
    – ผู้จัดการความเสี่ยง

    แล้วคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่เราใช้มีอะไรบ้าง
    (1) ค่าคาดหวัง : ค่าเฉลี่ยของผลลัพธ์” ที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะยาว เมื่อเราทำสิ่งนั้นซ้ำๆ หลายครั้ง
    ยกตัวอย่างเช่น การทอยลูกเต๋า ซึ่งแต่ละหน้ามีโอกาสออกเท่ากัน หรือ 1/6 นั่นหมายถึง ยิ่งเราทอยลูกเต๋าซ้ำๆ ด้วยจำนวนครั้งที่มากพอ เราจะได้ค่าคาดหวัง (ค่าเฉลี่ย) ของแต้มที่ออกใกล้เคียงกับค่า 3.5 กลับด้านกัน

    (2) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน : ค่าที่บอกถึง “ข้อมูล/สิ่งที่มีอยู่นั้นกระจายออกจากค่าเฉลี่ยมากแค่ไหน…” การนำมาใช้กับการลงทุน… สำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมาก แปลว่า
    เขาต้องการการลงทุนที่มี “ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานต่ำกว่า” คนที่รับความเสี่ยงสูงได้ เราเรียกส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอีกอย่างว่า “ค่าความผันผวน” นั่นเอง

    (3) ค่าสหสัมพันธ์ : ค่าที่บ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนที่มีมากกว่าหนึ่งตัวในพอร์ตการลงทุน เช่น เราลงทุนในหุ้น A และหุ้น B หากหุ้นทั้งสองตัวมีค่าสหสัมพันธ์ หรือ Correlation สูง แปลผลได้ว่า
    เมื่อหุ้น A ปรับตัวในทิศทางใดก็แล้วแต่ หุ้น B ก็จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับคนที่ต้องการการกระจายตัวที่ดีในการลงทุน ก็มักจะมองหาสินทรัพย์ที่มีค่าสหสัมพันธ์ไม่สูงมาก หรือไม่ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
    หลังจากเรารู้… ทุกอย่างในเบื้องต้นแล้ว เราก็พร้อมสำหรับการต่อ “ตัวต่อ” ทั้งหมดแล้ว… ส่วนที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ก็คือ “การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ”

    – พันธบัตร : เราลงทุนในพันธบัตรทั้งของรัฐบาล หรือเอกชน ก็เพื่อให้ได้ดอกเบี้ย สำหรับพันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง อัตราดอกเบี้ยก็สูงขึ้นตาม
    แต่… เราก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเงินต้นกลับไปเต็มจำนวนน้อยกว่าหุ้นกู้หรือพันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า

    สำหรับการประเมินมูลค่านั้น เราจะใช้วิธีการหามูลค่าในอนาคตแล้วคิดลดกลับมาที่ปัจจุบัน พูดง่ายๆ ก็คือ “ดูว่าเราจะได้รับเงินในอนาคตทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วคิดกลับมาเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบัน”

    – หุ้น : เราลงทุนในหุ้นก็เพราะว่าเราอยากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้ นั่นคือ “ความคาดหวังของเรา”
    แต่… การคำนวณหาผลตอบแทนที่จะเป็นไปได้ก็ขึ้นอยู่กับ “ค่าคาดหวัง” ที่ถ่วงน้ำหนักด้วยความน่าจะเป็น ซึ่งในระยะยาวแล้ว ส่วนใหญ่หุ้นจะมีการลู่เข้าหาค่าเฉลี่ย…

    – การลงทุนเป็นพอร์ตรวมหลายสินทรัพย์ : ส่วนนี้เป็นการนำเอาแนวคิดค่าสหสัมพันธ์มาผนวกรวมกัน เพื่อให้เราสามารถประเมินค่าคาดหวัง และส่วนอื่นๆ ได้ตามที่เราออกแบบพอร์ตของเรา

    – ออปชั่น : ไฮไลท์ของเล่มนี้เลย สำหรับผมนะครับ เพราะว่าออปชั่นคือ “สัญญา” ที่ให้สิทธิในการ “ซื้อ” หรือ “ขาย” หุ้นในราคาที่กำหนด แล้วการคำนวณมูลค่าของออปชั่นจะทำอย่างไร
    อยากให้ใครที่สนใจลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน… เลยครับ

    *** ความรู้สึกหลังอ่าน ***
    ชอบมาก… หนังสือเล่มนี้อธิบายการทำงานด้านการเงินได้ดีและเข้าใจได้ไม่ยาก ทำให้นักเรียนมัธยมมองเห็นภาพว่า “เราเรียนคณิตศาสตร์ไปทำไม”
    และเราสามารถต่อยอดกับงานด้านการเงินได้อย่างไร เพราะคณิตศาสตร์ไม่ใช่แค่การหาคำตอบที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว
    แต่… เรายังนำคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานการด้านเงินได้ด้วย

    Credit: เพจลาไปอ่านหนังสือ

เพิ่มบทวิจารณ์

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *