หนังสือการเงินเชิงปริมาณ สำหรับเด็กมัธยมที่ต้องการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สายการเรียนที่เหมาะสมในมหาวิทยาลัย
เขียนโดย พอล วิลมอทท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเชิงปริมาณ ผู้ก่อตั้งสถาบัน Certified Quantitative Finance (CQF)
แหล่งรวมควอนท์จากทั่วโลก คุณพ่อ คุณแม่สามารถซื้อให้บุตรหลานเพื่อศึกษา แนะแนวเส้นทางสู่สายอาชีพควอนท์







mpirika_admin –
สอนลูกให้เป็นควอนท์(Math of Finance for High Schoolers)-Paul Wilmott
เล่มนี้จะมีคำตอบว่า เราจะใช้คณิตศาสตร์ไปเชื่อมโยงกับการลงทุนได้อย่างไร และควอนท์(Quant) หรือ Quantitative ในแง่มุมของการเงินคืออะไร
ในแง่มุมของการวิเคราะห์การลงทุนที่เราได้ยิน
-สาย Fundamental Analysis—–>มุ่งหาคำตอบว่า ผลประกอบการในอนาคตจะเป็นยังไง อาจรวมไปถึง Macro View
-สาย Technical Analysis——> ใช้ข้อมูลจากราคาและปริมาณการซื้อขายในอดีต(กราฟ)เพื่อคาดการณ์ มีความเชื่อว่าทุกอย่างได้สะท้อนบนกราฟไปหมดแล้ว อาจรวมไปถึงจิตวิทยาบนหน้ากราฟ
-สาย Quantitative Analysis—-> การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ความน่าจะเป็นสำหรับราคา (หลักคิดอาจมีความคล้ายคลึงกับการสร้าง Indicator ของ Technical Analysis อยู่บ้าง)
เนื้อหา มีการปูพื้นฐานตั้งแต่ศัพท์ทางการเงิน สายงานอาชีพที่เกี่ยวข้อง คณิตศาสตร์พื้นฐานที่จำเป็น (ส่วนตัวมองว่าไม่ยากจนเกินไปนัก ความรู้ระดับมัธยมปลายเอาอยู่ แต่อาจจะต้องแตกฉานเรื่องสถิติและความน่าจะเป็นพอสมควร )
เนื้อหาไม่ได้ลงลึกไปถึง stochastic calculus, Black-Scholes model หรือ Monte Carlo simulation เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากทำความรู้จักควอนท์
มีการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อย่างง่ายของแต่ละสินทรัพย์
-ตราสารหนี้—-> ความสัมพันธ์ของการคิดลด,ดอกเบี้ย,มูลค่าในอนาคต เพื่อคำนวณ มูลค่าปัจจุบัน
-หุ้น—->การสร้างแบบจำลองอย่างง่าย
1.สร้างสมการโดยใช้ (Binomial Model)
2.หาค่าความหวัง และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากแบบจำลอง
3.ทดสอบแบบจำลอง
4.นำผลการทดสอบแบบจำลองจากข้อ 3 เพื่อหาความน่าจะเป็น โอกาสที่จะเกิดผลลัพธ์แบบต่างๆ
-การใช้ Sharp ratio เพื่อเปรียบเทียบการลงทุน
-พอร์ตโฟลิโอ——>การสร้างแบบจำลองอย่างง่าย
-เมื่อเราถือหุ้น 1ตัว และ พันธบัตร(สินทรัพย์ปราศจากความเสี่ยง) 1 ตัว
-เมื่อเราถือหุ้น 2ตัว แบบไม่มีพันธบัตร
-เมื่อเราถือหุ้นหลายตัว แบบไม่มีพันธบัตร
-เมื่อเราถือหุ้นหลายตัว แบบพันธบัตรการสร้างแบบจำลองนี้เพื่อนำไปสู่คำตอบของการกระจายความเสี่ยงในแบบต่างๆ
-ออปชั่น——>การสร้างแบบจำลองอย่างง่าย (Binomial Model)ของ Call หรือ Put Option ,
การหาความน่าจะเป็นที่เป็นกลางต่อความเสี่ยง เพื่อนำไปสู่การหามูลค่าทฤษฎีของออปชั่น และผลตอบแทนที่คาดหวัง
***หากไม่มีพื้นฐานเรื่องออปชั่นมาก่อนมีโอกาสเมาหมัดในหัวข้อนี้ แต่ส่วนตัวมองว่าผู้เขียนได้ใช้การยกตัวอย่างที่ค่อนข้างดี ทำให้ลดความสับสนลงไปได้เยอะ***
-ความสัมพันธ์ระหว่าง Call-Put Options และสินทรัพย์เสี่ยง
พุท = คอล-หุ้น+ราคาใช้สิทธิในรูปเงินสด
-ภาคผนวก มีการกล่าวถึงคณิตศาสตร์ที่จำเป็นเพิ่มเติมเพื่อสามารถนำไปต่อยอดได้
ส่วนตัวชอบเล่มนี้ มองว่าหนังสือสาย Quant ในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีคนทำออกมามากนัก และในอนาคตไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์ นักลงทุน
หรือทำงานในสายงานการลงทุน คงหนีไม่พ้นที่จะต้องทำความรู้จัก Quant อยู่ดี เพราะ Quant คือพื้นฐานเพื่อปูทางไปสู่การเขียน AI ในอนาคตอีกด้วย
P.S. ต้องขอบคุณ Jacob Bernoulli ที่ค้นพบค่า e(exponential constant)
ตอนที่กำลังศึกษาเรื่องดอกเบี้ยทบต้นแบบต่อเนื่อง [ lim (x+1/x)^x เมื่อ x เข้าใกล้ Infinity ] มิเช่นนั้น อาจจะไม่มี Euler’s formula
Credit: K. Note Attapol
mpirika_admin –
เราจะเรียนคณิตศาสตร์กันไปทำไม… จริงๆ แล้ว หลักสูตรขั้นพื้นฐานของการศึกษาภาคบังคับควรจะมีวิชาที่ทำให้เรารู้ว่า “แต่ละวิชาสามารถต่อยอดอะไรได้บ้าง”
สำหรับผม หนังสือ “Math of Finance for High Schoolers” เล่มนี้ ทำให้เราสามารถต่อจุดย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของ “ความรู้ทางคณิตศาสตร์” ที่เราเรียนมาตั้งแต่มัธยม
ทั้งเรื่องของค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความน่าจะเป็น การหาอัตราการเปลี่ยนแปลง ไปจนถึงการสุ่ม… เข้ากับ “ความเป็นควอนท์”
ผมชอบชื่อนี้นะ
“ควอนท์” หรือ Quant มาจาก Quantitative หรือเชิงปริมาณ พอเอามารวมกับ Finance ก็กลายเป็น Quantitative Finance การเงินเชิงปริมาณ…
ซึ่งถ้าให้เล่าถึงวิชานี้ก็ต้องบอกว่า เป็นส่วนสำคัญด่านแรกสำหรับใครที่อยากจะก้าวสู่การทำงานด้านการเงิน โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบบจำลองทางการเงิน ไปจนถึงการจัดการกับความเสี่ยง
ดังนั้นก่อนที่เราจะลงลึกไปกับ “ตราสารหนี้หรือพันธบัตร หุ้น หรือออปชั่น” เราเองก็ต้องรู้ว่าอาชีพไหนที่ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคด้านการเงินที่เรากำลังอ่านอยู่ หลักๆ ก็คือ
– ผู้พัฒนา และวิเคราะห์แบบจำลองสำหรับประเมินมูลค่าและความเสี่ยงของสินทรัพย์ด้านการเงิน
– ผู้จัดการความเสี่ยง
แล้วคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐานที่เราใช้มีอะไรบ้าง
(1) ค่าคาดหวัง : ค่าเฉลี่ยของผลลัพธ์” ที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะยาว เมื่อเราทำสิ่งนั้นซ้ำๆ หลายครั้ง
ยกตัวอย่างเช่น การทอยลูกเต๋า ซึ่งแต่ละหน้ามีโอกาสออกเท่ากัน หรือ 1/6 นั่นหมายถึง ยิ่งเราทอยลูกเต๋าซ้ำๆ ด้วยจำนวนครั้งที่มากพอ เราจะได้ค่าคาดหวัง (ค่าเฉลี่ย) ของแต้มที่ออกใกล้เคียงกับค่า 3.5 กลับด้านกัน
(2) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน : ค่าที่บอกถึง “ข้อมูล/สิ่งที่มีอยู่นั้นกระจายออกจากค่าเฉลี่ยมากแค่ไหน…” การนำมาใช้กับการลงทุน… สำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงมาก แปลว่า
เขาต้องการการลงทุนที่มี “ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานต่ำกว่า” คนที่รับความเสี่ยงสูงได้ เราเรียกส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอีกอย่างว่า “ค่าความผันผวน” นั่นเอง
(3) ค่าสหสัมพันธ์ : ค่าที่บ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนที่มีมากกว่าหนึ่งตัวในพอร์ตการลงทุน เช่น เราลงทุนในหุ้น A และหุ้น B หากหุ้นทั้งสองตัวมีค่าสหสัมพันธ์ หรือ Correlation สูง แปลผลได้ว่า
เมื่อหุ้น A ปรับตัวในทิศทางใดก็แล้วแต่ หุ้น B ก็จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับคนที่ต้องการการกระจายตัวที่ดีในการลงทุน ก็มักจะมองหาสินทรัพย์ที่มีค่าสหสัมพันธ์ไม่สูงมาก หรือไม่ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด
หลังจากเรารู้… ทุกอย่างในเบื้องต้นแล้ว เราก็พร้อมสำหรับการต่อ “ตัวต่อ” ทั้งหมดแล้ว… ส่วนที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ก็คือ “การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ”
– พันธบัตร : เราลงทุนในพันธบัตรทั้งของรัฐบาล หรือเอกชน ก็เพื่อให้ได้ดอกเบี้ย สำหรับพันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงสูง อัตราดอกเบี้ยก็สูงขึ้นตาม
แต่… เราก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเงินต้นกลับไปเต็มจำนวนน้อยกว่าหุ้นกู้หรือพันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า
สำหรับการประเมินมูลค่านั้น เราจะใช้วิธีการหามูลค่าในอนาคตแล้วคิดลดกลับมาที่ปัจจุบัน พูดง่ายๆ ก็คือ “ดูว่าเราจะได้รับเงินในอนาคตทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วคิดกลับมาเป็นมูลค่าเงินในปัจจุบัน”
– หุ้น : เราลงทุนในหุ้นก็เพราะว่าเราอยากได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้ นั่นคือ “ความคาดหวังของเรา”
แต่… การคำนวณหาผลตอบแทนที่จะเป็นไปได้ก็ขึ้นอยู่กับ “ค่าคาดหวัง” ที่ถ่วงน้ำหนักด้วยความน่าจะเป็น ซึ่งในระยะยาวแล้ว ส่วนใหญ่หุ้นจะมีการลู่เข้าหาค่าเฉลี่ย…
– การลงทุนเป็นพอร์ตรวมหลายสินทรัพย์ : ส่วนนี้เป็นการนำเอาแนวคิดค่าสหสัมพันธ์มาผนวกรวมกัน เพื่อให้เราสามารถประเมินค่าคาดหวัง และส่วนอื่นๆ ได้ตามที่เราออกแบบพอร์ตของเรา
– ออปชั่น : ไฮไลท์ของเล่มนี้เลย สำหรับผมนะครับ เพราะว่าออปชั่นคือ “สัญญา” ที่ให้สิทธิในการ “ซื้อ” หรือ “ขาย” หุ้นในราคาที่กำหนด แล้วการคำนวณมูลค่าของออปชั่นจะทำอย่างไร
อยากให้ใครที่สนใจลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน… เลยครับ
*** ความรู้สึกหลังอ่าน ***
ชอบมาก… หนังสือเล่มนี้อธิบายการทำงานด้านการเงินได้ดีและเข้าใจได้ไม่ยาก ทำให้นักเรียนมัธยมมองเห็นภาพว่า “เราเรียนคณิตศาสตร์ไปทำไม”
และเราสามารถต่อยอดกับงานด้านการเงินได้อย่างไร เพราะคณิตศาสตร์ไม่ใช่แค่การหาคำตอบที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียว
แต่… เรายังนำคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานการด้านเงินได้ด้วย
Credit: เพจลาไปอ่านหนังสือ